ผมเกิดและเติบโตมาในสภาวะแวดล้อมที่ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร ไม่ว่าจะพูดคุยกับพ่อแม่ สื่อสารกับพี่น้อง หรือญาติๆ เรื่องนี้ ถ้าพูดถึงสมัย 30 ปีที่แล้ว ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมไทย มีความคล้ายกันกับอีกหลายแสนครอบครัว ไม่ว่าครอบครัวนั้นจะอยู่ส่วนไหนของไทย นอกจากภาษาไทยแล้ว ผมก็พอได้ยินภาษาจีนแต้จิ๋วบ้าง เวลาอาม่าและเหล่าอี๊ พูดคุยกัน จำได้เป็นบางคน แต่ยังไม่ถือว่าฟังรู้เรื่อง สำหรับภาษาอังกฤษนั้นจำได้ว่าพอจะได้ยินพ่อแม่พูดกันบ้าง แต่ไม่เคยเข้าใจเลยว่าเขาพูดอะไรกัน และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาอยู่ดีๆ เขาจะเปลี่ยนโหมดจากไทยเป็นอังกฤษทำไม พอโตหน่อยแล้วย้อนกลับไปคิด จึงพอเข้าใจว่า พ่อแม่คงจะคุยกันเรื่องผู้ใหญ่ที่ไม่อยากให้ผมและน้องๆเข้าใจว่าเขากำลังคุยอะไรกัน (คิดไปก็เสียดาย..ทำไมไม่สอนเราและน้องๆพูดตั้งแต่เด็กนะ ป่าป๊า หม่ามี๊?!) การเริ่มเรียนภาษาอังกฤษของผมถือว่าช้ากว่าเกณฑ์ที่ควรจะเรียนพอสมควร เนื่องด้วยตอนประถมศึกษา ผมเข้าเรียนที่โรงเรียนสาธิต ประสานมิตร…
แนะแนว
“เรียนไปไร้ค่า ตายh’า ลืมหมด” นี่เป็นคำพูดที่ผมจำไม่ลืม คำพูดนี้คุณลุงของผมซึ่งเป็นคนที่มีฐานะพูดให้ผมฟัง ในระหว่างการรวมญาติรับประทานอาหาร ที่ภัตตาการ ไต๋ฮี่ เมื่อเสร็จจากเช็งเม้ง เคารพศพเหล่ากงเหล่าม่า ที่จังหวัดชลบุรี บทสนทนานี้เกิดขึ้น ตอนผม อยู่ ม.1 เพิ่งจะเข้าวัยรุ่นได้ไม่ถึงปี ผมถือว่าเป็น ‘หลาน’ ในเจนเนอร์เรชั่น 3 ที่เรียนได้ดี ถ้าเปรียบเทียบกับหลานๆ คนอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับลูกๆของลุง ลุงผมคงจะเป็นสไตล์ ฮากูน่า มาทาท่า ตามฉบับ Lion King ปล่อยลูกๆเขาตามสบาย…